วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ไกลแค่ไหนคือไกลลลล


ดูแล รักษา ให้ดีๆ

การดูแลตับของเราให้ดีีี


สำหรับผู้ห่วงใยในสุขภาพที่ดีของตับในร่างกาย การพักผ่อนที่เพียงพอและการนอนหลับที่ดี
เป็นสิ่งที่สำคัญ ถ้าหากคุณยังมีปัญหาในการนอนหลับ พิษและของเสียที่อยู่ในร่างกายย่อมจะ
สะสมและเป็นปัญหาต่อสุขภาพและอารมณ์ของคุณเอง

สาเหตุหลักที่ทำลายตับของคุณคือ
1. การนอนดึกและตื่นสายเป็นสาเหตุลำดับต้น ๆ
2. การไม่ปัสสาวะในตอนเช้า
3. ทานจุเป็นประจำ
4. ไม่รับประทานอาหารเช้า
5. บริโภคยามากเกินไป
6. บริโภคอาหารที่มีส่วนผสมของวัตถุกันเสีย สีผสมอาหาร
วัตถุปรุงแต่ง และน้ำตาลเทียม
7. บริโภคน้ำมันที่ใช้ทำอาหารซึ่งด้อยคุณภาพและไม่เป็นประโยชน์
ถ้าหากคุณสามารถลดปริมาณการใช้น้ำมันในการทอดอาหาร
ซึ่งรวมถึงการใช้น้ำมันที่ดีที่สุดที่ใช้ทำอาหาร เช่น น้ำมันมะกอก
จงหลีกเลี่ยงการบริโภคของทอด เมื่อคุณมีอาการเหน็ดเหนื่อย
อ่อนเพลีย ยกเว้นถ้าหากร่างกายคุณฟิต
8. บริโภคอาหารที่ผ่านการปรุงมากเกินไปย่อมสร้างภาระแก่ตับ
ผักควรทานสด ๆ หรือผ่านการทำให้สุก เพียง 3-5 ส่วน
ผักที่ผ่านการผัดควรจะบริโภคให้หมดในมื้อเดียว อย่าเก็บไว้ทาน
ในมื้ออื่น ๆ ถั่วต่าง ๆ รวมทั้งธัญพืชสารพัดอย่าง เช่น ลูกเดือย
ข้าวฟ่าง ฯลฯ มีประโยชน์ต่อลำไส้ คือ ช่วยกวาดเชื้อโรค + แบคทีเรีย
ชนิดไม่ดีออกจากลำไส้เรา ควรกินอาทิตย์ละครั้งเป็นอย่างน้อย
พืชผักสีเขียวมีคลอโรฟิว ช่วยทำให้เม็ดเลือดลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยง
ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดี เซลล์แต่ละเซลล์จะแข็งแรงเมื่อมีออกซิเจน
ไปหล่อเลี้ยง ก่อนเอาผักมากิน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสารพิษ อย่าลืมแช่
ผักด้วยน้ำส้มสายชู 45 นาที

เราควรพักผ่อนเข้านอนเวลา 3 ทุ่ม เนื่องจากร่างกายเราต้องการเวลาในการซ่อมแซม
ส่วนที่สึกหรอ ขับของเสียตามอวัยวะต่าง ๆ ย่อยอาหารให้หมด ถ้ากินมื้อหนักตอนกลางคืน
แถมนอนดึกอีก รับรองว่าอ้วนพุงพุ้ยแน่นอน ไขมันเผาผลาญไม่หมดมันเลยสะสม
แต่ถ้าต้องนอนดึกเลี่ยงไม่ได้ เพราะอ่านหนังสือเตรียมสอบ ทำรายงาน ขนงานมาทำ หรือติดงาน
อะไรก็ตาม ควรปฏิบัติดังนี้ :

1. งดเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู ไก่ เพราะย่อยยาก
ลำไส้ต้องทำงานหนัก แต่ถ้าหากเราอยากกินเนื้อสัตว์ก็ควรช่วยลำไส้ย่อย
ด้วยการเคี้ยวให้ละเอียด ยิ่งเคี้ยวละเอียดก็ยิ่งดี จะได้แบ่งเบาภาระลำไส้
2. ดื่มน้ำขิง ผสม น้ำผึ้ง อุ่น ๆ หรือ น้ำอุ่นธรรมดา + น้ำผึ้ง
หรือถ้าไม่มีอะไรเลย น้ำอุ่นธรรมดา สัก 1 แก้วก็ได้ เหมือนกัน
3. เวลานอน ควรทำให้ช่วงท้อง / ฝ่าเท้าอุ่น โดยการห่มผ้าหรือใส่ถุงเท้าด้วยก็จะดี
4. ที่จริงมื้อดึก ควรเป็นมื้อเบา ๆ อย่างเช่น ผัก ผลไม้ นม ไข่ เนื้อปลา จะดีกว่า
5. ควรเลี่ยงน้ำเย็น น้ำอัดลม เพราะเพิ่มภาระให้ระบบภายใน
ร่างกาย ร่างกายเราต้องความร้อนเพราะช่วยในการย่อยอาหาร หากดื่ม
แต่น้ำเย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังมื้ออาหาร จะทำให้ร่างกายเราต้อง
พยายามปรับอุณหภูมิให้อุ่นเหมาะสมก่อน แล้วจึงนำไปใช้
การดื่มน้ำอัดลมก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพิ่มกรดให้ร่างกาย แถมมีน้ำตาล
ที่สะสมตามร่างกายอีก อย่าลืมดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้วนะ น้ำสะอาด
จะช่วยล้างของเสียออกจากร่างกาย อย่าขี้เกียจลุกไปห้องน้ำเด็ดขาด

เราจะต้องพยายามปรับวิถีการดำเนินชีวิตโดยเฉพาะนิสัยการกิน การปลูกฝังนิสัยการกิน
ที่ดีและดูแลปัจจัยเรื่องเวลา เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ร่างกายของเราได้รับประโยชน์และสามารถ
กำจัดสารที่ไม่เป็นประโยชน์ในร่างกายตามตารางเวลาที่ควรจะเป็นเพราะ

1. ช่วงเวลากลางคืน 3 ทุ่ม - 5 ทุ่ม : 
เป็นระยะเวลาที่ร่างกายจะกำจัดสารพิษต่าง ๆ โดยระบบต่อต้านเชื้อโรคในร่างกาย
(ระบบหมุนเวียนของน้ำเหลืองในร่างกาย) ช่วงเวลานี้ควรจะต้องถูกใช้ไปในการพักผ่อน
หรือผ่อนคลายด้วยการฟังดนตรี ถ้าหากช่วงเวลานี้แม่บ้านยังคงวุ่นอยู่กับงานบ้าน เช่น
ล้างจาน หรือดูแลเด็ก ให้ทำการบ้าน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะเป็นผลลบต่อร่างกาย
2. ช่วงเวลากลางคืน 5 ทุ่ม - ตี 1 : 
กระบวนการกำจัดสารพิษในตับและแน่นอน ควรจะต้องอยู่ในช่วงการนอนหลับสนิท
ในช่วงเช้าระหว่างเวลาตี 1 ถึง ตี 3 นั้น กระบวนการกำจัดสารพิษในน้ำดี ก็ควรจะเป็นช่วง
แห่งการนอนหลับสนิทเช่นกัน
3. ช่วงเวลาตี 1 - ตี 3 : 
การกำจัดสารพิษในปอด เพราะฉะนั้นอาจจะมีอาการไออย่างรุนแรง สำหรับผู้ที่มีปัญหา
การไอในช่วงเวลาดังกล่าว ตอนนี้กระบวนการกำจัดสารพิษจะเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจแล้ว
และก็ไม่จำเป็นที่คุณจะใช้ยาแก้ไอ เพื่อที่จะได้ไม่ไปขัดขวางขั้นตอนการกำจัดสารพิษในร่างกาย
ห้ามอดหลับอดนอนตั้งแต่ ตีหนึ่ง เด็ดขาด เนื่องจากถุงน้ำดีกำลังย่อยไขมัน ถ้าอดนอน
เวลานี้บ่อย ๆ จะทำให้เป็นนิ่วในถุงน้ำดี
4. ช่วงเช้า ตี 5 - 7 โมงเช้า : 
การกำจัดสารพิษในปลายลำไส้ใหญ่ ก็ถึงเวลาที่จะต้องทำให้พุงและลำไส้ของคุณว่างลง
5. ช่วงเช้า 7 - 9 โมงเช้า : 
การดูดซึมสารอาหารสู่ลำไส้เล็ก คุณควรจะต้องทานอาหารเช้าในช่วงเวลานี้ อาหารเช้าควร
จะก่อนเวลา 6.30 น. สำหรับผู้ป่วย อาหารเช้าที่ทานก่อน 7.30 น. นั้นดีต่อผู้ที่ต้องการมีร่างกาย
สุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ ถ้าอยากกินเนื้อสัตว์ ควรกินเวลา 7.00 น - 9.00 น. เนื่องจากกระเพาะ
เรามีสภาพเป็นกรดสูงมากที่สุด ดังนั้นมื้อเช้าจะจำเป็นมาก ๆ ถ้าอดมื้อเช้าไปนาน ๆ ขั้วกระเพาะเรา
จะเป็นปุ่มปม และนานเข้า ๆ ก็กลายเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหาร ผู้ใดที่ไม่ทานอาหารเช้าตลอดเวลา
ควรจะต้องรีบเปลี่ยนพฤติกรรมนี้เสีย และการทานอาหารเช้าในช่วงสายตั้งแต่ 9 - 10 น. ก็ยังดีกว่า
ไม่มีอะไรลงไปในท้องเลย
แต่ห้ามกินนมในตอนเช้าแทนข้าวเช้า เนื่องจากตอนเช้านั้น กระเพาะจะเป็นกรดสูงมาก
นึกสภาพดูหากเราบีบน้ำมะนาวลงในนม จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี กลายเป็นคอลลอยด์ มันไม่ย่อยนะ
ยิ่งถ้าดื่มนมตอนท้องว่างแบบนี้ติดต่อกันเป็นประจำแทนข้าวเช้า ระวังจะเป็นมะเร็งในไขกระดูก แต่ถ้า
เป็นช่วงหลังอาหารเช้าหรือตอนบ่ายไปแล้ว หรือตอนเย็นก็ดื่มได้ตามปกติ มื้อเย็นอาจเป็นมื้อง่าย ๆ
อย่างนมกับไข่ก็ไม่ว่ากัน

การนอนดึกตื่นสายนั้นเป็นปัญหาต่อกระบวนการทำลายของเสียในร่างกาย นอกจากนั้นช่วง
เที่ยงคืนถึงตี 4 ก็ยังเป็นเวลาที่ร่างกายผลิตเลือด เพราะฉะนั้น

"อย่านอนดึกและอย่านอนตื่นสาย" 
ขอให้ถนอมสุขภาพร่างกายของเราให้ดีกันทุกคนนะจ๊ะ
ที่มาของข้อมูล : เรียบเรียงจาก FW Mail

ความหมายแฝง ในพยัญชนะไทย 44 ตัว

ความหมายแฝงของอักษรไทย 44 ตัว

ความหมายแฝงของอักษรไทย 44 ตัว
ก.ไก่ เป็นสัตว์ตื่นเช้าที่สุด เลยให้มาเป็นอักษรตัวแรก เพื่อเตือนให้คนไทยขยันขันแข็ง
ข.ไข่ เป็นดอกผลของไก่ แต่จะมีความเปราะบาง ต้องทะนุถนอมให้ดีดี อย่าปล่อยทิ้งละเลยสังคม
ฃ.ฃวด เป็นวิถีชีวิตของคนไทยที่เตือนไว้ว่า แม้จะดื่มกิน ให้มีสติไว้ มิฉะนั้นอาจมีสิ่งใดแตกหักได้
ค.ควาย ฅ.ฅน
เป็นวิถีชีวิตของคนไทย การอยู่ร่วมกันระหว่าง ฅน และธรรมชาติ โดยให้ ฅน

มาทีหลัง ควาย คือ โง่ มาก่อนฉลาด อย่าอวดฉลาด หากยังไม่รู้จักโง่ก่อน
ฆ.ระฆัง ให้หมั่นประชุมเป็นนิตย์ อย่าได้ละเลยการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ง.งู ต้องกล้าคิดกล้าทำกล้าแสดงความคิดเห็น
จ.จาน ต้องรู้จักการอาสาเจือจาน เข้าทำนอง จ.จานใช้ดี
ฉ.ฉิ่ง ตีดัง ช.ช้าง วิ่งหนี
ให้รู้จักการใช้การทำงานเล็ก ๆ ให้เกิดผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง โดยไม่ต้องคิดการใหญ่
ซ.โซ่ ล่ามที
หากสังคมเตลิด จากการกระทำใดใด ให้รู้จักยับยั้งเอาไว้ด้วยขนบธรรมเนียมบ้าง
ฌ.เฌอ คู่กัน
ให้รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ระหว่างคนและธรรมชาติ
ญ.หญิงโสภา ฑ.มณโฑ หน้าขาว
บอกใบ้ให้เห็นว่า สตรี เป็นเพศที่สวยงาม และต้องเอาใจใส่ให้มาก อย่าได้ละเลยลืมเลือน
ฎ.ชฎา สวมพลัน
เป็นแง่คิดให้เห็นถึง ยศฐาบรรดาศักดิ์ว่า ไม่จีรัง คล้าย ๆ กับหัวโขน
ฏ.ปฏัก และ ฐ.ฐาน
เป็นอักษรคู่กัน ที่จะทำงานอะไรที่ฉับไว เที่ยงตรง ต้องมีรากฐาน หรือมีเหตุผลรองรับ
อย่างชัดเจนมั่นคง
ฒ.ผู้เฒ่า เดินย่อง
เป็นการสะท้อนว่า ผู้หลักผู้ใหญ่จะทำอะไรต้องระมัดระวังให้ถี่ถ้วน อย่าโผงผาง
ณ.เณร ไม่มอง ด.เด็ก ต้องนิมนต์
เป็นอักษรคู่กัน แทนการเปรียบเทียบ 2 สถาบัน ระหว่างศาสนา และฆราวาส
เมื่อพระท่านมองข้ามสิ่งใด ละเลยสิ่งใด ต้องช่วยกันเตือนได้ ไม่ใช่ละเลยไปหมด
ต.เต่า หลังตุง ถ.ถุง แบกหาม
เป็นอักษรคู่เช่นกัน ที่เปรียบว่า ทั้งหมด มีหน้าที่ของตัว และต้องทำให้ดีที่สุด
ตามสภาพที่มีและเป็นอยู่
ท.ทหาร อดทน
นี่ชัดเจนว่าท่านข้าราชการ ว่าต้องมีน้ำอดน้ำทน ทำงานไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย เพื่อชาติ
ธ.ธง คนนิยม
เป็นภาพสะท้อนให้คนรักชาติบ้านเมือง ให้เห็นแก่ประโยชน์ของชาติอันดับแรกเลย
ภ.สำเภา กางใบ
สะท้อนว่าหากจะค้าขายไกล ๆ ต้องพัฒนาศักยภาพของตนเองให้สอดรับกับสถานการณ์ต่าง ๆ
ร. ล. ว. เป็นอักษรชุด 3 ตัวเรียง
ที่มาสะท้อนถึงวิถีชีวิตของคนไทยที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับธรรมชาติ น้ำ สัตว์ และการฝีมือ
ที่งดงามเป็นเอกลักษณ์ของชาติ
ษ. ฤาษีหนวดยาว ศ.ศาลา ส.เสือ ดาวคะนอง
สามสอนี้ เป็นภาคตัวแทนของอุปนิสัยใจคอของคนไทยว่า รักสงบ (ษ.)
โอบอ้อมอารี (ศ.) แต่ใจนักเลง (ส.)
อ.อ่าง เนืองนอง
เป็นสัญลักษณ์ย้ำว่าคนไทย ต้องมีจิตคิดเพื่อคนอื่นเสมอ ก่อนคิดเพื่อตัว
ฬ.จุฬา ท่าผยอง
สะท้อนว่า ริจะเป็นผู้ปกครอง ริจะอยู่เหนือคนอื่น ต้องต้านทานอุปสรรคนานาได้
คล้ายกับว่าว จะขึ้นสูงต้องต้านแรงลมได้
ฮ.นกฮูก นั้น
สะท้อนว่า คนไทยขยันตั้งแต่เช้า (ไก่) ยันค่ำ (นกฮูก) มีสัตว์ที่ตื่นอยู่ตลอดเวลา

ขอบคุณข้อมูลจาก saranair

กินอย่างไรให้ห่างไกลความชรา

กินชะลอความชรา
แม้วันเวลาจะร่วงเลยไปก็คงไม่มีใครอยากแก่เร็ว ดังนั้นก่อนจะถึงเวลานั้นเราควรหาอาหารที่ดีต่อสุขภาพร่างกาย และมีประโยชน์ต่อผิวพรรณของเรา อาหารที่ดีและมีประโยชน์จะช่วยชะลอความแก่ที่ำกำลังมาถึงได้
1. อายุสักเท่าไรจึงจะถือว่าเริ่มแก่
การแพทย์แผนปัจจุบันอายุ 30ปีขึ้นไป เริ่มเหนื่อยง่ายเริ่มหย่อนยานลง การแพทย์แผนไทยอายุ 32ปีขึ้นไป. เรียกปัจฉิมวัยควรเริ่มดูแลสุขภาพ อาหารการกินตั้งแต่ช่วง30ต้นๆ
2. คนเราจะดูแก่ที่ตรงไหน
ผิว เหี่ยวย่น ไม่เต่งตึง ผมหงอก ศีรษะล้าน ฟัน หัก หลุด เหงือกมีโรค ตาขุ่น ฝ้าฟาง ไม่สดใส หลัง โกงค่อมลง อ้วนมาก ผอมแห้ง เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง
3. ควรกินอย่างไร จึงจะชะลอความแก่ ในแต่ละเรื่อง
ผิวพรรณ กินผัก ผลไม้ ที่มีวิตามินซีมากๆ อย่ากิน อาหารไขมันสูง ซึ่งทำให้เป็นโรคผิวหนังได้ง่ายไม่สูบบุหรี่ ถ้ายังเลิกสูบไม่ได้ ต้องกินวิตามินซีให้เพียงพอเพื่อชดเชย ผมกินอาหารบำรุงเส้นผม เช่น นัท, ข้าวกล้อง เมล็ดพืชต่างๆ งาดำ ถั่วดำ สาหร่ายทะเล ตา กินอาหารที่มีวิตามินเอ เช่นผักบุ้ง ,มะเขือเทศ กล่ำปลี ฟัน, เหงือก กินอาหารที่มี แคลเซียม และวิตามินซี และกินผักผลไม้ ที่มีวิตามินซี เพื่อชะลอการเป็นต้อกระจก หลัง,กระดูก กินอาหารที่มี แคลเซียม เช่น นม งาดำ ถั่ว ผักคะน้า บร็อกโคลี่ อ้วนมาก กินอาหารที่มีกากใยสูง ไขมันน้อย น้ำตาลและแป้งน้อยๆ ผอมแห้ง อ่อนเพลีย กินอาหารบำรุง เช่นไข่ นม เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้
4. อาหารที่ควรกิน 10อย่าง Top Ten Super Food
ยอดอาหารสำหรับสหัสวรรษใหม่ ผักผลไม้ประเภทสีเหลืองหรือแดง ลดอัตราเสี่ยงมะเร็ง โรคหัวใจ ผักพวก บร็อกโคลี่ กล่ำปลี ลดอัตราเสี่ยงมะเร็ง เสริมภูมิต้านทาน ส้มต่างๆ มะนาว ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็งบำรุงผิวพรรณ มะะเขือเทศ บำรุงสมองบำรุง สายตา ถั่วต่างๆ ป้องกันโรคหัวใจ ลดไขมันในเลือด ถั่วเหลือง เต้าหู้ลดไขมันในเลือด ป้องกันมะเร็งธัญพืช ข้าวต่างๆที่ยังไม่ขัดเม็ดขาวเพิ่มภูมิต้านทานโรค ป้องกันโรคหัวใจและมะเร็ง ปลาอาหารทะเล ป้องกันโรคหัวใจมะเร็งไขข้อ เบาหวานหัวหอม หัวกระเทียม ลดไขมันในเส้นเลือดเสริมภูมิต้านทาน
5. สมุนไพรเพื่อชะลอความแก่
ดอกกระเจี๊ยบ มะขาม สมอไทย สมอพิเภก มะขามป้อม รสเปรี้ยว เสริมวิตามินซี ต้านอนุมูลอิสระ ระบายท้อง ล้างพิษ ขับปัสสาวะบำรุงผิวพรรณ
บอระเพ็ด สะเดา มะระ รสขม แก้ไข้ เจริญอาหาร บำรุงตับ น้ำดี
บยอ ลูกยอ ช้าพลู ยอดแคใ มีแคลเซียมสูงบำรุงกระดูก
โสม กระชาย กล้วย พริกไทย มะตูม บำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย ทิ้งถ่อน ตะโกนา บอระเพ็ด เม็ดข่อย แห้วหมู พริกไทย ยาอายุวัฒนะ
สูตรพื้นบ้าน

ม้ากระทืบโรง กำลังช้างเผือก โด่ไม่รู้ล้ม กำลังเสือโคร่งม้ากระทืบโรง กำลังช้างเผือก โด่ไม่รู้ล้ม กำลังเสือโคร่ง บำรุงกำลัง การกินสมุนไพรใช้กินเป็นอาหาร หรือชาชงผสมน้ำผึ้ง ช่วยให้แข็งแรงชะลอแก่
6. อาหารที่กินแล้วเกิดโรค แก่ง่าย ตายง่าย ควรหลีกเลี่ยงเช่น
อาหารปิ้งย่างจนไหม้เกรียม อาหารรมควัน
อาหารใส่ดินประสิว เช่นไส้กรอก กุนเชียง หมูแฮม แหนม
อาหารเนื้อสัตว์ดิบๆสุกๆ มีพยาธิเชื้อโรค เชื้อรา
อาหารที่ไม่สะอาด หรือบูดเสีย มียาฆ่าแมลง
อาหารเค็มจัด หวานจัด
อาหารที่มีไขมันสูง เครื่องในสัตว์
เหล้าเบียร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำชากาแฟ
7. พวกผักผลไม้ควรกินสักเท่าไร และมีวิธีกินอย่างไรไม่ให้เบื่อ และให้ได้ประโยชน์เพียงพอหรือไม่
แนะนำให้กินวันละ 5 - 9 ครั้ง คือกินในมื้ออาหาร 3 มื้อ และกินเป็นของหวานแทนขนมเค้ก ขนมหวานๆ กินผักผลไม้เป็นสลัดผลไม้,ส้มตำผลไม้ดื่มน้ำผัก ผลไม้ แทนกาแฟ หรือน้ำอัดลม ควรคั้นหรือปั่นให้มีสีสรร,รสชาติ ชวนดื่ม และไม่ทำให้หวานเกินไป
8. เราควรกินวิตามิน อาหารเสริมเพื่อชะลอแก่หรือไม่
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ร่างกายสร้างสารที่จำเป็นได้น้อยลง ดูดซึมได้น้อย มีโรคภัยต่างๆ ภาวะความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ร่างกายจึงต้องการสารอาหารเพิ่มขึ้น วิตามินสำคัญที่ต้านอนุมูลอิสระและชะลอแก่คือวิตามินซี ,วิตามินอี , วิตามินเอ

วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556

คนไม่สำคัญ (ทดสอบ)

http://www.youtube.com/watch?v=2M_3mfPOCmw

สุขภาพดีๆ กับผักหลากสี

สุขภาพดีด้วยผักหลากสี
 
สุขภาพดีด้วยผักหลากสี
สุขภาพดีด้วยอาหารที่มี ไฟโตนิวเทรียนท์ ป้องกันมะเร็ง!
3 – 4 ปีมานี้ ท่านผู้อ่านที่รักสุขภาพทั้งหลาย คงเคยได้ยินคำว่า ไฟโตนิวเทรียนท์ กันใช่ไหมคะ เพราะหลากหลายบริษัทชั้นนำทางด้านอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ได้ผลิต ผลิตภัณฑ์ที่มีไฟโตนิวเทรียนท์ออกมาวางขายเพื่อให้คนที่ใส่ใจในเรื่องการดูแลสุขภาพได้เลือกซื้อ เลือกบริโภคกันอย่างมากมาย นั่นเพราะเจ้าไฟโตนิวเทรียนท์นั้น มีประโยชน์อย่างมากกับร่างกายของมนุษย์เรา มาอ่านกันดีกว่าค่ะว่า เจ้าไฟโตนิวเทรียนท์นั้น มีประโชยน์อย่างไร จะหาทานได้จากที่ไหน เลือกทานได้อย่างไรบ้าง

ไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytonutrients) หมายถึง สารเคมีที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพ ที่พบเฉพาะในพืช สารกลุ่มนี้อาจเป็นสารที่ทำให้พืชผักชนิดนั้น ๆ มีสี กลิ่น หรือ รสชาติที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว ไฟโตนิวเทรียนท์เหล่านี้ หลายชนิดมีฤทธิ์ต่อต้าน หรือ ป้องกันโรคบางชนิดและ โรคสำคัญ ที่มักจะกล่าวกันว่าสารกลุ่มนี้ช่วยป้องกันได้คือ “โรคมะเร็ง”กลไกการทำงานของไฟโตนิวเทรียนท์เมื่อเข้าสู่ร่างกาย อาจเป็นไปโดยการช่วยให้ เอ็นไซม์บางกลุ่มทำงานได้ดีขึ้น เอ็นไซม์บางชนิด ทำหน้าที่ทำลายสารก่อมะเร็ง ที่เข้าสู่ร่างกาย มีผลทำให้สารก่อมะเร็งหมดฤทธิ์ ซึ่งปัจจุบันพบสารพฤกษเคมีแล้ว มากกว่า 15,000 ชนิด นักวิทยาศาสตร์พบว่า ไฟโตนิวเทรียนท์สร้างประโยชน์ด้วยกลไก การออกฤทธิ์ในรูปแบบต่าง ๆ ดังนี้
• ต้านออกซิเดชั่น ทำลายฤทธิ์ของอนุมูลอิสระ
• ลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับดีเอ็นเอ เป็นกลไกสำคัญ ที่ทำให้สารพฤกษเคมีลดการเกิดโรคมะเร็งได้
• เพิ่มภูมิต้านทานโรค
• ควบคุมการออกฤทธิ์ของฮอร์โมน

งานวิจัยจำนวนมาก แนะนำว่าการผสมผสาน ของสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในผัก และ ผลไม้ชนิดต่าง ๆ หลากชนิดจะให้คุณภาพ การต้านอนุมูลอิสระที่ดีกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับการได้รับสารต้านอนุมูลอิสระ จากแหล่งอาหารเพียงแหล่งเดียว
ผักและผลไม้ยังเป็นแหล่งที่ดีที่สุดสำหรับไฟโตนิวเทรียนท์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ คนไทยส่วนมากรับประทานผักและผลไม้ได้ไม่เพียงพอในแต่ละวัน จึงอาจจะมีสารต้านอนุมูลอิสระในระดับต่ำ การบริโภคผักและผลไม้ในปริมาณที่เหมาะสมต่อวัน จะช่วยให้ประสิทธิภาพของสารต้านอนุมูลอิสระเพียงพอในการลดความเสี่ยงต่อการ เกิดโรคต่าง ๆ ได้
เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า การรับประทานผักผลไม้เป็นประจำทุกวันนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะทำให้เราได้รับทั้งวิตามินและแร่ธาตุนานาชนิด ยิ่งมารู้จักกับไฟโตนิวเทรียนท์แล้ว เราก็ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับการรับประทานผักผลไม้ และควรรับประทานให้หลากหลายด้วย เพราะผักผลไม้แต่ละชนิดมีไฟโตนิวเทรียนท์ที่มีประโยชน์แตกต่างกัน เช่น
ทับทิม มีสารประเภทฟลาโวนอยด์ ช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยทำให้โคเลสเตอรอลลดลงและลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ
แครอท มีเบต้าแคโรทีน รวมทั้งมะเขือเทศมีไลโคปีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งไลโคปีนสามารถช่วยลดโอกาสการเกิดโรคมะเร็งด้วย
อะเซโรลา เชอร์รี มีวิตามินซี ช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค ทำให้ผิวพรรณสดใส
บร็อคโคลี มีซัลโฟราเฟน ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง
แอปเปิล มีโพลีฟีนอล สารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ และมะเร็ง
มะกอก มีโอลีโรเปอิน ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ และลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็ง
เมล็ดองุ่น มีโปรแอนโธไซยานิดินช่วยยับยั้งการทำลายหลอดเลือดจากโคเลสเตอรอล
เปลือกขององุ่นเขียว แดง และม่วง มีเรสเวอราทรอล ช่วยเสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงและทำให้มีอายุยืน
ขมิ้น มีเคอร์คิวมิน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มการสร้างเซลล์
ผักโขม มีใยผักและวิตามินแร่ธาตุหลายชนิด

ซึ่งผักผลไม้ต่าง ๆ เหล่านี้ซื้อหาและสามารถทำเป็นอาหารต่าง ๆ ได้ไม่ยากเลย
เห็นประโยชน์อันมากมายของไฟโตนิวเทรียนท์แล้ว ควรหันมารับประทานผักผลไม้ให้มากขึ้น และรับประทานผักผลไม้หลากหลายสีในทุกมื้ออาหาร เพื่อให้ร่างกายเราได้รับไฟโตนิวเทรียนท์ในปริมาณที่เหมาะสม เป็นภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงและไม่เจ็บป่วยง่ายนะคะ

วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556

มาลองใช้วิธีง่ายๆ ในการไล่แมลงกัน ^_^

วิธีการไล่สัตว์ต่างๆด้วยวิธีธรรมชาติ
 


วิธีการไล่ยุงแบบง่าย ๆ คือ หา การบูร มาห่อด้วยผ้าแล้วมัดไว้กับหลอดไฟฟ้าที่อยู่ภายใน บ้าน ความร้อนของไฟฟ้าจะทำให้การบูร ระเหย ออกไป และกลิ่นของการบูรจะช่วย ป้องกันยุง ไม่ให้มารบกวน
วิธีกำจัดมด- หาเศษผ้าที่ไม่ใช้แล้วมาตัดเป็นชิ้น ๆ ความยาวพอประมาณ ชุบกับน้ำมันเครื่องพอหมาดหรือจาระบี แล้วนำมาพันรอบขาตู้หรือโต๊ะ หรือจะใช้ปูนขาวใส่ภาชนะรองที่ขาตู้ก็ได้ และหากพบมดไต่ขึ้นมาตามรอยแตกร้าวของคอนกรีต ให้ใช้น้ำมันก๊าดเทลงไปในร่อง มดก็จะไม่โผล่หน้าขึ้นมาให้เรารำคาญใจอีกนาน
- ใช้แป้งฝุ่นสำหรับทาป้องกันเห็บหมัดของสุนัขหรือแมวมาโรยตามพื้นหรือบริเวณ ที่มดขึ้น เมื่อมดเดินผ่านก็จะเกิดการระคายเคืองและตายในเวลาอันรวดเร็ว หรืออาจฝานมะนาวเป็นแผ่นบางๆ มาไปวางในบริเวณที่มดขึ้นก็ได้
- หากพบว่ามีมดขึ้นอยู่ในขวดน้ำตาลหรือขนมปังที่ใส่อยู่ในกระป๋อง ให้ เราปิดฝาขวดหรือกระป๋องนั้นให้สนิท จากนั้นให้ออกแรงเขย่าเพียงเล็กน้อย แล้วเปิดฝาทิ้งไว้หรือนำไปผึ่งแดดสักครู่ มดตัวน้อยตัวนิดก็จะพากันหนีออกมาเอง
- ในกรณีที่พบรังมด ให้ใช้น้ำที่แช่หน่อไม้สดหรือหน่อไม้ดองเปรี้ยวราดไป ที่รัง มดจะอพยพไปอยู่ที่อื่นทันที แต่ถ้าต้องการกำจัดให้สิ้นซาก ให้ใช้การบูรและยาสูบอย่างละ 1 ส่วน นำไปแช่น้ำตั้งไฟให้เดือด จากนั้นเอาไปราดที่รัง มดก็จะตายและไม่กล้ามาทำรังอีกแน่ๆ
วิธีกำจัดแมลงสาบแบบที่ 1
- เอาขวดเหล้ากลม มาวาง ทาน้ำมันพืชบางๆบริเวณปากขวด แล้วเอาเศษอาหารที่มีกลิ่นหอมๆ ใส่ไว้ก้นขวด (จากการทดลองน้ำตาลปิ๊บดีสุด)
- วางขวดเอียงประมาณ 70 องศา ให้ปากขวดแตะผนัง ตามซอกมืดๆในบ้าน
- ตื่นเช้ามาคุณจะได้แมลงสาปอยู่ในขวด วันแรกๆจะได้เยอะมาก ทำซ้ำเรื่อยๆ มันก็จะหมดไปเอง
วิธีกำจัดแมลงสาบแบบที่ 2
- เทน้ำมันหมูลงในขวด เฮลบลูบอย แล้วก็เคล้ากะให้น้ำมันหมูเกาะทั่วขวด เอาน้ำมันหมูป้ายขอบในคอขวด กะให้กำลังลื่นพองาม
- เอาไปตั้งไว้กลางห้องครัว หรือ แหล่งชุมนุม แมงสาบ เฉพาะจุดที่พบบ่อยๆ
- ทิ้งเอาไว้ ประมาณ 8 ชม. แนะนำ >>ตั้ง< < ไว้ก่อนนอน
- ตื่นมาตอนเช้าอย่าตกใจ แมงสาบจะยัวะเยียะ ไปทั้งขวด แต่ออกมาไม่ได้ เด็กและสตรีที่กลัวแมงสาบ ไม่ควรทำ เพราะอาจจะตกใจตายได้ เอาฝาเฮลบลูบอยปิดไว้ แล้วฝากให้รถขยะพาแมงสาบไปเที่ยว
วิธีกำจัดแมลงสาบแบบที่ 3
- เอาน้ำตาลเคี่ยวกับน้ำให้มีกลิ่นหอมแล้วนำไปใส่ในกะละมังหรือภาชนะที่มีความ ลื่น เพราะเมื่อแมลงสาบได้กลิ่น มันจะลงไปกินแต่ไม่สามารถไต่ขึ้นมาได้ วิธีนี้ก็จะช่วยลดพลเมืองแมลงสาบได้มาก
- ถ้ากันมดและแมลงสาบเข้าไปในตู้เสื้อผ้า หรือ ตู้หนังสือ โดยใช้ก้านพลูและพริกไทยเม็ดบรรจุใส่ถุงผ้าเล็ก ๆ แล้วนำไปไว้ตามซอกของตู้เสื้อผ้า หรือ ตู้หนังสือ
- นำขวดแก้วที่มีปากค่อนข้างกว้างใส่น้ำแกงจืดหรือน้ำต้มยำที่เหลือจากการรับ ประทานอาหาร (ใส่ประมาณครึ่งขวด) แล้วนำไปวางไว้บริเวณซอกหรือมุมห้องภายในบ้าน โดยวางให้ชิดติดกับผนังเพื่อล่อให้แมลงสาบที่ไต่ตามฝาผนังลงมากินน้ำแกงใน ขวด ทำให้ไม่สามารถปีนกลับขึ้นมาได้
- ใช้เหยื่อล่อแมลงสาบสำเร็จรูป ซึ่งบรรจุอยู่ในตลับที่มีช่องว่างเพื่อให้แมลงสาบมุดหัวเข้าไปกินเหยื่อ แล้วออกมาตายภายนอก (ไม่ตายค้างอยู่ด้านในตลับ) โดยนำไปวางไว้ในบริเวณที่มีแมลงสาบชอบเดินผ่าน อาทิ ตามซอกมุมอับต่างๆ หรือวางไว้ใกล้ท่อระบายน้ำทิ้ง เพื่อดักแมลงสาบที่ออกมาหากินยามค่ำคืน
- ใช้บ้านแมลงสาบ ซึ่งเป็นกาวดักแมลงสาบที่ไม่เป็นอันตรายต่อคนและสัตว์เลี้ยง มีประสิทธิภาพในการดักจับแมลงสาบได้ดี ใช้ง่ายเพียงแค่แกะกล่องกระดาษแล้วนำแผ่นเหยื่อไปวางไว้ตรงกลางแผ่นกาวและ พับเป็นรูปบ้าน นำไปวางไว้ตามห้องหรือซอกมุมที่มีแมลงสาบรบกวน เมื่อมีแมลงสาบมาติดจนเต็ม ให้พับบ้านแมลงสาบเข้าทุกด้าน แล้วนำไปทิ้งลงถังขยะ บ้านแมลงสาบมีอายุการใช้งานนานประมาณ 3-4 สัปดาห์
- เอาปูนซีเมนต์ มาผสมกับอะไรหอมๆ น่ากิน เช่น นมผง โอวัลติน หรือถั่วบด ใส่ถาดวางใว้ในที่ที่แมลงสาบชอบเดินผ่าน แล้วก็เอาขันใส่น้ำวางไว้ข้างๆ เมื่อแมลงสาบได้ลิ้มรส อาหารผสมปูนซีเมนต์ และจิบน้ำเข้าไป ปูนซีเมนต์เมื่อผสมกับน้ำก็จะแข็งตัวในท้องของมัน
วิธีไล่งู
- งู ที่กลัวเชือกกล้วยจะมีก็เฉพาะงูเหลือมเท่านั้น ซึ่งได้มีการพิสูจน์มาแล้ว ส่วนงูพิษยังไม่มีรายงาน การเลี้ยงสุนัข หรือห่านเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุด
- ใช้ สารเคมีที่มีกลิ่นฉุน เช่น น้ำมันก๊าด(หาง่าย และไม่อันตรายกับคน และสัตว์เลี้ยง) ให้ฉีดพ่นหรือราดรอบๆ บริเวณที่ไม่ต้องการให้มีงูอยู่ ( ถ้าฉีดพ่นหรือราดน้ำมันก๊าดที่รังงูก็จะหนีไปเหมือนกันครับ) และ ควรฉีดพ่นหรือราดน้ำมันก๊าดในช่วงที่ไม่มีเด็กๆ อยู่ เพราะงูจะออกมาจากที่หล่บซ่อน วิธีนี้เคยใช้จัดการกับงูเห่ามาแล้วใช้ได้ผลครับ ลองนำไปประยุกต์ใช้ดูนะครับไม่ต้องฆ่าเขาด้วยแค่ไล่ไปเท่านั้น
- ใช้ผงกำมะถัน(สีเหลืองๆ) มาผสมน้ำแล้วราดบริเวณรอบบ้าน แต่วิธีนี้ต้องทำบ่อยหน่อย อย่างน้อย เดือนละครั้ง เพราะกำมะถันเจือจางแล้วงูก็เข้าอีก
วิธีไล่ตะขาบ
- เลี้ยงไก่ในบริเวณบ้าน
- ปลูกต้นเสลดพังพอนตัวเมีย รอบๆ บริเวณบ้าน
- ใช้ “น้ำส้มควันไม้” เนื่องจากน้ำส้มควันไม้เข้มข้น มีส่วนผสมของน้ำมันทาร์ และยางเรซินอยู่มาก จะส่งกลิ่นเหม็นคล้ายควันไฟรบกวนสัตว์ และแมลงที่มีพิษต่างๆ รู้สึกจะมีขายตามร้านขายเคมีเกษตรครับ
วิธีไล่หนู
แบบง่ายๆ และประหยัดเงินคือ นำ ไม้ยี่โถ ไปตากแดดให้แห้ง แล้วนำไปบดเป็นผง เสร็จแล้วนำไปโรยตามซอกที่หนูชอบอยู่ เพียงเท่านี้หนูก็พากันขนย้ายครอบครัวหนีออกไปจากบ้านของคุณไปเลย